Translate

วันอังคารที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

อ่านแล้วซึ้ง ประทับใจ ไม่ใช่ลำเอียง แต่คิดอย่างนี้เหมือนกัน



สี่ตีนยังรู้พลาด “นิชคุณ” ยังรู้พลั้ง
manager : “ผิดและพลาด” คือสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับมนุษย์ทุกคน อยู่ที่ว่าเมื่อทำ “ผิด” แล้ว จะกลับไปทำ “พลาด” เหมือนเดิมอีกหรือเปล่า หากรู้จักยอมรับผิด แก้ไข และไม่ทำพลาดซ้ำรอยเดิม สังคมก็พร้อมจะให้อภัย 
เช่นเดียวกับกรณีของ “นิชคุณ หรเวชกุล” ถึงแม้ว่าตอนนี้ทางฝั่งเกาหลีจะแบนทุกผลงานของเขาไปแล้ว หลังจากขับรถยนต์ขณะมึนเมาจนเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่ที่นี่… ประเทศไทย ยังพร้อมอ้าแขนรับและเปิดโอกาสให้ “เจ้าชายน้อยแห่งเจวายพี” คนนี้เสมอ
ด้วยท่าทีที่นิชคุณและครอบครัวออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม เป็นเครื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีแล้วว่า เขาคู่ควรที่จะได้รับโอกาสให้ยืนอยู่ในวงการต่อไป อย่าเพิ่งตัดสินกันจากความผิดพลาดแค่เพียงครั้งเดียว
น้อมรับผิดอย่างลูกผู้ชาย
“ผมอยากจะเขียนจดหมายฉบับนี้ เพื่อขออภัยกับการกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบนี้ ถึงผู้บาดเจ็บ ครอบครัวของเขา ชาวเกาหลี แฟน ๆ ของผม ครอบครัวเจวายพี เอ็นเตอร์เทนเมนต์ สตาฟทีมงาน และเพื่อน ๆ สมาชิกในวง 2PM รวมถึงทุกๆ คนที่ได้รับผลกระทบในเหตุการณ์ครั้งนี้
ผมทำให้คนที่มอบความรักและให้การสนับสนุนตัวผมผิดหวัง ความรักและกำลังใจที่ผมได้รับมันไม่สมควรกับพฤติกรรมที่ผมก่ออย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ผมรู้สึกว่าต้องการเวลานอกที่จะคิดทบทวนตัวเองและสิ่งที่ทำไป เพื่อทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น และไม่สร้างปัญหาผิดซ้ำอีกครั้ง ผมรู้สึกละอายกับการกระทำที่น่าผิดหวังนี้และรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง”
ทั้งหมดนี้คือความรู้สึกจากใจนิชคุณ ซึ่งโพสต์ผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว “นิชคุณ Buck หรเวชกุล (@Khunnie0624)” เป็นภาษาอังกฤษ เพื่อแสดงความเสียใจและยอมรับผิดในความผิดพลาดโดยไม่ได้เจตนา จากอุบัติเหตุขับรถยนต์เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์จนเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ โดยตรวจพบว่าขณะเกิดเหตุมีปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายอยู่ที่ 0.056% (ประเทศเกาหลีอนุญาตให้ผู้ขับขี่ยานยนต์มีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ในร่างกายได้ไม่เกิน 0.05%) จึงเกิดเป็นกระแสวิพาษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางทั้งในเกาหลีและประเทศไทย
หลายคนที่รู้ข่าวคงอดผิดหวังไม่ได้ เพราะที่ผ่านมา หนุ่มน้อยหน้าใสคนนี้คือความหวังเดียวของประเทศไทยที่สามารถโกอินเตอร์และสร้างภาพลักษณ์ดีๆ ให้แก่บ้านเกิดของตัวเองมาโดยตลอด แต่หากลองมองความผิดพลาดครั้งนี้ด้วยใจที่เปิดกว้างขึ้นอีกสักนิด จะเห็นความเป็นลูกผู้ชายในตัวซูเปอร์สตาร์คนนี้ที่น่ายกย่อง เพราะหลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น นิชคุณก็ตัดสินใจด้วยตัวเองว่าจะขอเวลาสำนึกผิดและทบทวนตัวเอง โดยขอไม่เข้าร่วมคอนเสิร์ต JYP Nation ที่เกาหลีและญี่ปุ่นในเดือนสิงหาคม รวมทั้งกิจกรรมอื่นๆ ที่ทางเจวายพี ต้นสังกัดจัดขึ้น
ลองมองย้อนกลับไป ยังมีอีกหลายครั้งหลายคราที่การกระทำของนิชคุณสร้างความภาคภูมิใจให้แก่คนไทย โดยเฉพาะกรณีที่ออกมาปัดป้องบ้านเกิดเมืองนอนที่เขารัก ในตอนที่บอยแบนด์แดนกิมจิรุ่นน้อง “ซิโค่” หัวหน้าวง “Block B” แสดงกิริยาไม่เหมาะสมขณะให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวไทยเกี่ยวกับเรื่องน้ำท่วม โดยแสดงความคิดเห็นไว้ว่า อยากจะช่วยเยียวยาบาดแผลจากเหตุการณ์น้ำท่วม เพราะรู้ว่าทุกคนต้องยากลำบาก และสิ่งที่ทำได้ก็คงมีแค่เรื่องเงิน แต่กลับพูดทีเล่นทีจริงว่าช่วยได้แค่ 7,000 วอน หรือ 210 บาท จากนั้นสมาชิกในวงทุกคนก็หัวเราะพร้อมกัน ทันทีที่เห็นคลิปรายการนั้นถูกเผยแพร่ออกไป นิชคุณก็ออกมาทวีตตักเตือนเพื่อนร่วมวงการอย่างไม่ลังเล
“คนที่พูดถึงเรื่องภัยน้ำท่วมที่เมืองไทย โดยไม่คิดอะไร ในฐานะที่เป็นคนไทยผมรู้สึกไม่ดีเลยครับ ซึ่งแทนที่จะมาเมืองไทย แล้วทำกิจกรรมดีๆ แต่กลับทำอะไรโดยไม่คิด มาเยือนเมืองไทยก็ควรที่จะนำมารยาทของประเทศนี้ไปใช้ ยังไงก็ช่วยประพฤติอย่างถูกต้องด้วย”
การที่คนคนหนึ่งต้องหอบสัญชาติที่แตกต่าง เดินทางข้ามประเทศเพื่อไปสร้างชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จัก ก็ถือว่าเป็นงานยากพออยู่แล้ว นี่ยังต้องพยายามทำให้คนอีกฝั่งเข้าใจวัฒนธรรม เข้าใจความคิดแบบไทยๆ ด้วย ยิ่งเป็นภาระที่หนักอึ้งมากขึ้นไปอีก แต่ที่ผ่านมา นิชคุณก็แบกรับความรับผิดชอบในจุดนี้ไว้ได้อย่างดีเสมอ
เมื่อถึงวันนี้ที่เขาพลั้งพลาดไป แน่นอนว่าผู้คนต่างวัฒนธรรม ต่างมุมมอง คงไม่พร้อมจะมานั่งทำความเข้าใจอะไรมากมายอยู่แล้ว ง่ายที่สุดคือการคัดทิ้ง อย่างล่าสุดที่วงการกิมจิเพิ่งถอดนิชคุณออกจากพรีเซ็นเตอร์โฆษณาสวนน้ำ “แคริบเบียน เบย์” ของเกาหลี จากเดิมในโปสเตอร์โฆษณาเคยมี นิชคุณยืนถอดเสื้อสวมกางเกงเซิร์ฟบอร์ดร่วมกับเพื่อนๆ ในวง 2 PM และซูจี นักร้องสาวชื่อดังอีกคน
ตอนนี้รูปของนิชคุณกลับโดนหั่นทิ้งไป ด้วยเหตุผลที่ว่า “จะต้องตัดรูปและภาพทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวของนิชคุณออกไปจนกว่ากระบวนการทางกฎหมายในเรื่องคดีที่เขาก่อจะเสร็จสิ้น” คงเหลือแต่ประเทศไทยเรานี่เองว่าจะยอมเปิดโอกาสครั้งใหม่ให้คนที่พลั้งพลาดไปได้มากน้อยแค่ไหน
ไม่ทิ้งนิชคุณ
ถึงแม้ว่าทางสื่อมวลชนเกาหลีและแฟนๆ จะมองนิชคุณในภาพเสียๆ หายๆ ไปแล้ว เนื่องจากบ้านเมืองของเขาเข้มงวดเรื่องเมาแล้วขับอย่างมาก ทั้งยังให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ของศิลปิน-ดารามาเป็นอันดับหนึ่ง เพราะอุตสาหกรรมบันเทิงคือสินค้าส่งออกสำคัญของประเทศ
แต่ยังโชคดีที่ในประเทศไทยของเราเองยังเต็มเปี่ยมไปด้วยผู้คนมากมายที่พร้อมให้โอกาสและกำลังใจแก่นิชคุณ อย่างน้อยๆ หากวัดจากกระแสโลกออนไลน์ โดยเฉพาะ Top Comment ที่มีคนเข้ามาคลิกโหวต เห็นด้วยมากที่สุดในเว็บผู้จัดการออนไลน์เกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็น่าจะทำให้หนุ่มน้อยคนนี้อุ่นใจไปได้บ้างว่า ยังมีประเทศไทย… บ้านเกิดของเขา พร้อมให้โอกาสเสมอ
“ยังไงก็ไม่ทิ้งพี่นิชคุณอยู่แล้วค่ะ ขอเป็นหนึ่งในกำลังใจที่ขอส่งให้พี่นิชคุณนะคะ ขอให้เข้มแข็งและมีสติเข้าไว้ ถ้าอยู่เกาหลีไม่ได้ยังไงก็กลับมาที่เมืองไทยนะคะ ทุกคนพร้อมให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นอยู่แล้วค่ะ สู้ๆ นะคะพี่นิชคุณ”
“เราไม่ใช่เเฟนคลับเกาหลีหรืออะไรๆ ทำนองนั้นนะ เราชื่นชมคนไทยทุกคน ทุกอาชีพสาขาที่ไปสร้างชื่อเสียงไทยเเลนด์ ให้ต่างชาติรู้จักตลอดเวลา นิชคุณ เขาก็สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยให้คนไทย (ทางตรงเเละทางอ้อม) ไม่ใช่เหรอ คุณๆ ก็เห็นเขาก็ออกตัวเสมอว่าตนเป็นคนไทย บอกตลอดว่าตัวข้าเป็นคนไทยเชื้อชาติไทย สายเลือดไทย (ดูเขาภูมิใจนำเสนอชาติกำเนิดของเขามากๆ ด้วย) เเละเขาก็ดังมาก มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ไม่เคยมีเรื่องเสื่อมเสีย ไม่ว่าจะมองไปด้านไหน ชาติกำเนิด การศึกษา ครอบครัว สังคม หน้าที่การงาน
จนมาเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ ใช่ เขาผิด ผิดเพราะกฎหมายเกาหลีเขาเข้ม ผิดเพราะสำนึกสาธารณะเขาเป็นเลิศ ด้าน นิชคุณ เอง เขาก็ลงโทษตัวเองไปเเล้ว นี่เขาเเค่ทำผิดส่วนตัว หากอยากจะเทียบกับดาราดังในบ้านเรา เรื่องของเขา จิ๊บๆ ชิลชิลมาก ที่สำคัญคือเขาไม่ได้ทำผิดอะไรที่กระทบต่อชื่อเสียงประเทศไทยเลย เรื่องส่วนตัวล้วนๆ เลย พวกเราคนไทย เราควรอ้าเเขนเปิดสองมืออุ้มโอบกอดปลอบโยนให้อภัย ให้กำลังใจคนไทยคนนี้สิ ถึงจะถูก”
“น้องเป็นคนดี และเป็นสุภาพบุรุษคนหนึ่งเลยทีเดียวจากการปฏิบัติตัวตลอดมา เป็นกำลังใจให้น้องนิชคุณนะคะ ผิดพลาดยอมรับ ขอโทษ และพยายามรับผิดชอบ น้องต้องเข้มแข็ง และต่อสู้กับแรงกดดันครั้งนี้นะคะ”
“น้องนิชคุณเป็นตัวอย่างที่ดีมาก ผิดแล้วสำนึกและรับผิดชอบ ลงโทษตัวเอง ..ศิลปินไทยควรเอาเยี่ยงอย่าง เราควรอภัยที่น้องทำผิดพลาดไป ความที่น้องเป็นเจ้าชายน้อยแห่ง JYP น้องเคยแบกภาระของวง ของค่าย และแม้แต่หน้าตาคนไทยเอาไว้ เมื่อมีชื่อเสียง จึงย่อมมีคู่แข่งเยอะ ทำผิดจึงถูกเพ่งเล็งมาก และครั้งนี้น้องได้รับบทเรียนแล้ว… อย่าเพิ่งให้น้องคุณกลับมาตอนนี้เลย น้องไม่ใช่คนหนีปัญหา เราควรพยุงน้องขึ้นมา ก้าวเดินต่อไปเหมือนเดิม น้องยังมีหน้าที่ต้องพิสูจน์ให้คนเกาหลีรู้ว่าน้องต้องกลับไปให้ได้… รักคุณเสมอ”
“เกือบทุกครั้งที่เห็นนิชคุณ ที่แขนจะมีริสต์แบนด์ สีส้ม สีชมพู สีฟ้า ไม่ได้เห็นครั้งสองครั้ง แต่เกือบทุกครั้ง แค่นี้คุณก็ได้หัวใจคนไทยไปแล้วนะ… ให้กำลังใจนิชคุณ”
เมื่อคุณแม่ออกโรง
บุคคลสำคัญอีกหนึ่งคนที่ช่วยให้ภาพของนิชคุณเป็นไปในทิศทางดีขึ้นคือ “เย็นจิต หรเวชกุล” คุณแม่ของเขานั่นเอง หากเป็นคุณแม่คนอื่นๆ คงออกมาร้องห่มร้องไห้ วิงวอนสังคมด้วยน้ำตาอาบสองแก้มแทนลูกเพื่อเรียกร้องความเห็นใจ ยกตัวอย่างกรณี “น้องแพรวา 9 ศพ” ที่คนกระทำผิดกลับเงียบหายไป หนีหน้าสังคม ไม่แม้แต่จะออกมาแสดงความรู้สึกผิด ปล่อยให้คนเป็นแม่เดินสายยกมือกราบกราน ขอโทษขอโพยทุกฝ่ายแทนลูกในไส้ ขอให้สังคมให้โอกาสและเลิกวิพากษ์วิจารณ์ลูกสาวของตนเสียที เป็นภาพที่น่าอนาถใจยิ่งนัก
ตรงกันข้ามกับที่คุณแม่เย็นจิตทำ เธอออกมาพูดคุยต่อสื่อมวลชนด้วยใจเป็นธรรม ไม่สปอยล์ลูกชาย ไม่พูดเข้าข้าง แต่มองเรื่องราวที่เกิดขึ้นทุกแง่มุมอย่างเข้าใจ เรียกได้ว่าทุกคำพูดของคุณแม่ได้ใจไปเต็มๆ สะท้อนให้เห็นว่าที่นิชคุณได้ดิบได้ดี เป็นที่รักของผู้คนมากมายได้ทุกวันนี้ เป็นเพราะคำสอนดีๆ ของผู้ที่อยู่เบื้องหลังคนนี้นี่เอง และนี่คือถ้อยคำจากใจของคุณแม่เย็นจิตซึ่งล่าสุดออกมาจับไมค์สื่อสารกับแฟนคลับของนิชคุณโดยตรงในกรณีนี้
“ความเสียใจที่เกิดจากความผิดพลาดนั้น น้องคุณรับได้ แต่สิ่งที่น้องคุณรู้สึกว่ารับไม่ได้ก็คือการทำให้ทุกคนผิดหวัง ทำให้คนที่รักและมีความศรัทธาในตัวน้องต้องเสียใจ…แผลเป็นรอยนี้จะเป็นสิ่งที่น้องคุณได้เห็นไปตลอดชีวิต และน้องคุณจะต้องจดจำแล้วไม่ทำสิ่งนี้ให้เกิดขึ้นอีก ฉะนั้นจะเป็นสิ่งเตือนใจที่จะให้น้องคุณทำดีต่อไป
แม่ขอให้ทุกคนที่มีศรัทธาในตัวน้อง หรือว่าศรัทธาในความดี อย่าท้อถอย อย่ารู้สึกโกรธเพราะว่ามีคนพูดกล่าวในสิ่งที่ไม่ดี เราต้องเข้าใจว่ามนุษย์ทุกคนปัจจุบันนี้ต้องการคนที่เป็นกำลังใจ เป็นตัวอย่างให้เรามีศรัทธาที่จะทำความดี มีศรัทธาที่จะอยู่อย่างคนที่มีคุณค่าต่อสังคม เมื่อหนูมองไปหนูเห็นน้องคุณ แล้วน้องคุณวันนี้ทำผิดพลาดลงไป เลยขอให้ทุกคนอย่าท้อถอย
อย่ารู้สึกโกรธเมื่อมีคนมาต่อว่าน้อง เพราะว่ามันเป็นสัจธรรมแห่งชีวิต ไม่มีใครรักเราทั้งหมดไม่มีใครเกลียดเราทั้งหมด แต่สิ่งที่อยู่บนตัวเราคือคุณความดีที่เราทำและสร้างไว้จะอยู่กับตัวเราตลอดไป ฉะนั้นอย่าโกรธ อย่าให้อารมณ์เหล่านี้กลายมาเป็นความรู้สึกโกรธเคืองคนรอบด้านที่มาต่อว่าคนที่เรารักจะดีกว่า
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันทำให้เรารู้ว่าในอนาคตข้างหน้าเมื่อเกิดอะไรขึ้นกับใครก็ตาม เราอย่าด่วนตัดสินใจ เพราะเหรียญมันมีสองด้าน อย่างที่หนูบอกว่าทำไมเจวายพีไม่ออกมาตอบโต้ ไม่มาพูดอะไรแทนน้องเลย เราต้องเข้าใจว่าเขารักน้อง เพราะว่าเขาอยู่ด้วยกันมา เขาคือครอบครัวเดียวกัน แต่สิ่งที่เขาทำไม่ได้ก็เพราะมันมีข้อกฎหมายมีอะไรหลายๆ อย่าง เราต้องเข้าใจ…
สุดท้ายแม่อยากจะเตือนสติทุกคนนะลูก ก่อนจะทำอะไรให้มีสติ ถ้าเราขับรถ เราต้องรับผิดชอบต่อตัวเราและคนที่อยู่บนท้องถนน ฉะนั้นถ้าหนูรักน้อง ขอให้เตือนสติตัวเองตลอดเวลาว่าเราจะทำอะไร ให้คิดให้ดีลูก แล้วแม่คิดว่าน้องจะได้กำลังใจนี้กลับมา มาเป็นน้องคุณที่ดีขึ้น มาเป็นน้องคุณที่รู้ว่าสิ่งที่แฟนคลับให้นั้นเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก เป็นสิ่งที่เขาต้องสร้างพลังให้เข้มแข็งขึ้นมา
แม่ในนามของน้องคุณ ต้องขอขอบคุณทุกคน และน้องคุณฝากแม่ให้บอกน้องๆ ทุกคนว่าเขาซึ้งใจ แต่ตอนนี้แม่ขอให้เขาไม่อ่านอะไรเลยในทางที่เป็นผลกระทบต่อจิตใจเขา เขาต้องการพลัง น้องคุณได้รับแรงใจจากทุกคนจริงๆ ได้รับจริงๆ เพราะแม่เป็นผู้ส่งแล้วแม่ก็รับรู้”
ดังเช่นสุภาษิตไทยที่ยังคงหยิบมาสอนใจได้เสมอ “สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง” ในวันนี้ นิชคุณอาจพลาดจนก่อเกิดเป็นการกระทำผิดก็จริง แต่ถ้าสังคมเปิดโอกาส ให้อภัย และปล่อยให้เวลาตัดสิน แล้วจะได้เห็นเองว่าเขาคนนี้รู้จักเรียนรู้จากความผิดและโตพอที่จะไม่ทำพลาดซ้ำรอยเดิมมากน้อยแค่ไหน ถ้าทำได้ ก็คู่ควรกับกำลังใจก้อนใหญ่ที่สังคมไทยพร้อมจะมอบให้ในวันนี้และวันข้างหน้าในฐานะคนของประชาชน
—ล้อมกรอบ—
คำแม่ “เย็นจิต” สอนลูก
หลังจากคุณแม่เย็นจิตออกมาเปิดใจต่อแฟนคลับของลูกชายเกี่ยวกับความผิดพลาดที่ก่อขึ้น ทำเอาหลายคนรู้สึกประทับใจในมุมมองของท่านมาก เพราะถือเป็นสุนทรพจน์ที่ดีมากครั้งหนึ่งเท่าที่เคยได้ยินมา และหากอยากรู้ว่าท่านเคยปลูกฝังคำสอนดีๆ ให้แก่ลูกๆ ไว้อย่างไรบ้าง ต้องลองอ่านย่อหน้าต่อไปนี้ดู แล้วจะรู้ว่าคำสอนของท่านไม่ได้มีความหมายแค่เฉพาะคนในครอบครัวเท่านั้น แต่คนทั่วไปอย่างเราๆ ก็สามารถหยิบนำไปใช้ได้หลายๆ เรื่องในชีวิตเลยทีเดียว
“ตัวแม่เอง แม่รักลูกเท่ากันนะ แต่ความไว้วางใจ หรือความเชื่อใจไม่เหมือนกัน เพราะสไตล์ของแต่ละคนแตกต่างกัน บางคนต้องการอิสระ ไม่อยากให้เราเข้าไปยุ่งมาก ขณะที่อีกคนต้องการให้เราเป็นที่ปรึกษา อย่างลูกคนโต (ณิชฌาน) เขาจะชอบทำอะไรด้วยตัวเอง ลูกคนนี้เราจะไปจุกจิกจู้จี้เขาไม่ได้ ส่วนนิชคุณจะแตกต่างกับพี่ เวลามีอะไรน้องคุณจะเข้ามาปรึกษาเรา
สิ่งที่แม่กลัวและห่วงลูกที่สุดก็คือ ความเหลิงจนลืมตัวตนว่าทุกคนก็มีความเป็นมนุษย์เหมือนกัน ดังนั้น แม่จะบอกน้องคุณเสมอๆ ว่า เราคือคนคนหนึ่งที่มีโอกาสมากกว่าคนอื่น แต่ในขณะเดียวกัน คุณก็ไม่มีโอกาสไปเหยียบคนอื่นเหมือนกัน
เวลาที่ลูกมีเรื่องไม่สบายใจ หน้าที่เราคือช่วยพยุง และประคองเขา ยกตัวอย่างตอนที่ลูกไปเรียนต่อต่างประเทศ เราเข้าใจดีว่าเขาเหงา และต้องใช้ชีวิตด้วยตัวเอง ซึ่งเราจะไปเยี่ยมเขาเมื่อมีโอกาส รวมทั้งเขียนจดหมาย หรืออีเมลส่งข่าวบอกให้เขารู้ว่าเรายังอยู่ข้างๆ คุณนะ สบายใจได้ จะตอบหรือไม่ตอบกลับไม่เป็นไร ขอให้เขารู้ว่า เรารัก และเป็นห่วงเขาก็พอ
และเวลาลูกอยากได้อะไร เขาจะมาถามเราว่า แม่แบบนี้ดีไหม เราก็แค่แจกแจงถึงข้อดี ข้อเสีย ส่วนการตัดสินใจจะเป็นหน้าที่ของเขา เราจะไม่เข้าไปยุ่ง เช่น ลูกอยากไปเรียนต่างประเทศ ก็บอกให้เขาฟังว่า ถ้าลูกไป ลูกต้องเจอกับสิ่งที่ดีแบบนี้นะ สิ่งไม่ดีแบบนี้นะ ดังนั้นการใช้ชีวิตแม่จะบอกลูกๆ เสมอว่า ต้องไม่ประมาท หากก้าวพลาด คุณจะโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเราเอง”
ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LIVE

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...